เด็กปอขี้ไก่ครูใหญ่จำเป็น....
ครูทองก้อนเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมลุงดาวผู้ใหญ่บ้าน ทั้งสองเดินไปตามหมู่บ้าน ถึงคุ้มกลุ่มไหนก็จะบอกคนในคุ้มนั้น มารวมตัวกัน และแจ้งข่าวให้ทราบว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ โรงเรียนก็จะเปิดเรียน ใครที่มีลูกหลานอายุย่างจะเจ็ดขวบปีนี้ ให้นำลูกหลานของตน ไปแจ้งต่อครูอาจารย์ที่โรงเรียนในวันเปิดเรียน เพื่อเข้าเรียนหนังสือ และย้ำว่าใครหลีกเลี่ยงไม่ให้ความร่วมมือจะถือว่าผิดกฎหมาย และนายอาจจับเข้าคุกได้ เมื่อทุกคนฟังเข้าใจและใตร่ถามถึงเอกสารที่จะต้องนำไปในวันเปิดเรียนจนทราบดี ครูทองก้อนและลุงดาว ก็จะย้ายไปแจ้งข่าวที่อี่นต่อ...
ครูทองก้อนและลุงดาว มาหาพ่อที่บ้าน นั่งคุยกันที่ซุ้มดอกเห็ดของพ่อ ครูทองก้อนชมพ่อว่าทำสวยดี และแปลกกว่าใครในหมู่บ้าน ตานวลเมื่อเห็นลุงดาวก็แอบหลบไปที่อื่น เพราะกลัว ลุงดาวขู่ตานวลบ่อยๆ เรื่องที่แกชอบพกหนังสือโป้แจกคนหนุ่มในหมู่บ้านดู แล้วใจแตก ลุงดาวว่า จะให้นายในเมืองมาจับ แต่คนในหมู่บ้านรักตานวล โดยเฉพาะพวกหนุ่มๆทุกคนชอบเรียกแกว่า ท่านศาสดาจารย์ สักพักน้าไพ อาจ่อย ลุงหนวดก็มาสมทบ บักแหล่กับเสือสมิงเพื่อนในวัยเดียวกับผม ก็ตามพ่อมันมาด้วย ลุงหนวดเถียงพ่อว่าผมเป็นน้องบักสมิง พ่อไปเอาสำเนาเอกสารหลายใบ มาให้ครูทองก้อนดู ลุงหนวดก็เอามาด้วย บักสมิงตัวโตกว่าผมแต่สกปรก ส่วนผมครูทองก้อนชมว่าท่าทางฉลาดแข็งแรง สมชื่อ”บักแข่น” บักแหล่ขี้มูกโป่ง เหมือนจะร้องไห้เมื่อครูทองก้อนยื่นมือมาจะจับมัน ครูทองก้อนบอกว่า พวกเราทั้งสามคนจะได้เข้าโรงเรียนเป็นลูกศิษย์ครูในปีนี้.......
คืนนั้น
หลังอาหารเย็นในคืน อันมืดค่ำ ของคืนข้างแรม รอบแสงตะเกียงน้ำมันก๊าด ผมนั่งตัวเกร็งเป็นปั้นข้าวเหนียว ต่อสายตาพี่น้องในครอบครัวรวมหกคน (หญิงสามคนชายสามคนมีผมกับน้องชายที่เพศไม่สลับกัน นอกนั้นสลับกันจากพี่สาวคนโต)และรับทราบล่วงหน้าว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากผมเกเรเมื่อไปอยู่ในโรงเรียน ผมเอาแต่ยิ้มและนึกสนุก อยากรู้เหมือนกันว่า พวกคนโตๆเขาอ่านหนังสือออกได้อย่างไร คนที่อ่านไม่ออกเขาก็ว่าโง่ ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น น้องชายมาลูบๆคลำๆบีบไหล่บีบแขนและชมว่า อ๋อนี่แหละว่าที่นักเรียนใหม่
วันเปิดเรียนมาถึง
ผมได้ชุดนักเรียนใหม่ทั้งชุด โก้ขนาด ขบวนนักเรียนเก่านักเรียนใหม่ ค่อยๆทยอยออกเดินไปโรงเรียน ทั้งลูกเล็กเด็กแดงหอบจูงกันไป บางรายกลัวครูไม่อยากไปโรงเรียน ร้องไห้กระจองอแง ต้องฉุดกระชากลากกันไปทั้งขู่ทั้งปลอบ ผู้พบเห็นรู้สึกยุ่งยากใจไปด้วย แต่ก็ยิ้มและให้กำลังใจว่า
“ควายหัดเข้าคราดเข้าไถใหม่ๆก็ลำบากแบบนี้แหละ ไว้มันเป็นแล้วแกก็สบายหรอก”ผู้พูดหัวเราะหึหึ
ห้องเรียน
ห้องเรียนของพวกเราดูวุ่นวายไปหมด ครูให้นักเรียนใหม่ทั้งหมด รวมอยู่ห้องเดียวกันที่อาคารหนึ่ง เป็น เรือนไม้ชั้นเดียว นับจำนวนนักเรียนก็มากพอสมควร เพราะสองหมู่บ้านมีโรงเรียนแห่งเดียวกัน เพื่อนใหม่ของผมบางคนต้องมีแม่คอยปลอบประโลมอยู่ใกล้ๆ เพราะหมอเอาแต่ร้องลูกเดียว บางคนชอบมองหน้า ผมก็มองมันบ้าง พอสบตากันนานๆทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ กล้ามเนื้อมันแน่นเปรี๊ยะๆไปหมด ครูทองก้อนปรากฏตัวที่หน้าห้องเรียน พร้อมรอยยิ้มและการเล่าแจ้งแถลงไข ความวุ่นวายเสียงจอแจพลันเงียบงัน เมื่อนิทานไหลรื่นออกจากปากครูทองก้อน พร้อมภาพประกอบบนกระดานดำ สะกดพวกผมให้เคลิ้มไปอย่างชวนฝัน...สนุกอย่างบอกไม่ถูก
นานจนเราเรียกโรงเรียนแห่งนั้นว่า”โรงเรียนของเรา”
บรรดาเรานักเรียนใหม่ เมื่อคุ้นเคยสถานที่แล้ว ก็จะกลายเป็นลิงกังที่โลดโผนโจนทะยานไปทั่ว ให้คุณครูคอยกำหราบอยู่เป็นประจำ ผมยกระดับตัวเองมาอยู่ขั้นแนวหน้าของเพื่อนๆทั้งหมด และเรียนเก่งกว่าทุกคน สายตาที่มองมาสู่ผมจึงเป็นสายตาทีอ้อนวอนเช่นทาสมอบให้แด่นาย มิฉะนั้นก็จะอดลอกการบ้าน และอาจมีการปากแตกเกิดขึ้น พวกผมได้แยกพวกออกอีกเป็นสองฝ่าย คือทับหนึ่งและทับสอง ผมอยู่ทับสอง ต้องย้ายจากอาคารหนึ่งมาอยู่อาคารสองชั้นล่าง มีเพียงฝาเขียบตองเก่าๆโกโรโกโส เป็นรูโบ๋ กั้นรอบนอก ในห้องใช้เพียงกระดานดำกั้นระหว่าง ห้องของพวกผมติดกับชั้นปอสี่ เมื่อมีกิจกรรมสนุกๆ ของพวกพี่ๆอย่าง ร้องเพลง ฟ้อนรำ พวกผมก็จะมามุดใต้กระดานดำออกันดูอย่างสนุก ครูทองก้อนใจดีไม่เคยว่า พวกผมมักถูกพวกพี่ๆตัวโตกว่า ล้อเลียนอยู่บ่อยๆว่าพวกปอขี้ไก่ เพราะวันๆเอาแต่ท่อง กอไก่ ขอไข่ จนดูๆแล้วหน้าเหมือนไก่ ทั้งห้องก็เหม็นไปด้วยขี้ไก่ ทำให้พวกผมรู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก
วันหนึ่งหลังครูทองก้อนให้ทำแบบฝึกหัด เสร็จ-ส่งและรอตรวจ ผมเห็นเพื่อนๆยืนดูอะไรอยู่ข้างกระดานดำ ผมเลยไปสมทบ ที่หน้าชั้นเรียนชั้นปอสี่มีพี่คนหนึ่งยืนอยู่ ชื่อพี่ยา พี่เขาตัวโตมากเรียนซ้ำชั้นมาแล้วหลายปี ปอสี่ปีนี้เป็นปีที่สอง เรียกกันสนุกๆว่าปอสี่ปีสอง ครูอำนวยตัวอ้วนๆ ใช้ไม้เรียวเคี่ยวเข็ญให้แกอ่านตัวอักษร ที่เขียนไว้บนกระดานดำ ตัวเท่าหม้อแกง ถึงผมจะยืนอยู่ไกลพอประมาณก็ดูออกว่าเป็น ห.หีบกับสระอา อ่านว่า”หา”อย่างแน่นอน พี่เขาก็อ่านไปเรื่อยไม่ถูกสักที ครูก็คอยซักอยู่นั่นแหละ เพื่อนๆพี่เขาก็คอยลุ้น และหัวเราะอย่างสนุกสนาน เพื่อนๆของผมบอกว่าสนุก แต่ผมรู้สึกเซ็งกิน
“หอหีบสระอาก็ต้องอ่านว่าหา” ผมตะโกนออกไป
จากนั้นก็กลับมานั่งที่อย่างไม่คิดอะไรเลย
สักครู่ต่อมา ครูอำนวยเดินมาที่ห้องเรียนของพวกผม และถามหาเจ้าของเสียง ผมรู้สึกหน้าเสีย เพราะกิตติศัพท์ครูอำนวยนั้น เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าแกดุมาก เพื่อนๆของผมแสดงความยินดี โดยรุมชี้มาที่ผม ผมรู้สึกเหมือนจะละลายเป็นเถ้าธุลีไปในบัดนั้น ครูอำนวยหันไปซุบซิบกับครูทองก้อนอยู่พักหนึ่ง ก่อนขออนุญาตินำตัวผมไป โดยมีกองหนุนเป็นพวกพี่ๆชั้นปอสี่ตัวโตๆ สองสามคน ผมพยายามต่อสู้ขัดขืนแล้วแต่พ่ายแพ้ ด้วยเรี่ยวแรงที่ด้อยกว่าพวกนั้น
“จับกูทำไมวะ ไม่ไปโว้ย ไม่ไป”
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษ ยืนกุมเป้าตัวสั่นงั่กๆอยู่หน้าชั้นปอสี่ เคียงบุรุษหนุ่มแววตาเศร้าลึกโหล ความสูงของผมแค่บั้นเอวพี่เขาเอง พวกที่นั่งอยู่ในห้องต่างก็เพ่งสายตามาที่ผม จ้อง แล้วก็หัวเราะ จนผมรู้สึกว่า ความหล่อของตัวเองลดน้อยถอยลงไปทุกที
“พวกเราทุกคนปรบมือต้อนรับครูใหญ่ของพวกเราหน่อยเร้วว” ครูอำนวยออกคำสั่งและปรบมือนำทุกคนก่อนที่ทั้งห้องจะเกรียวกราวไปด้วยเสียงนั้น รวมทั้งเพื่อนๆของผมที่ยืนอยู่ริมกระดานดำ
“แนะนำตัวหน่อยครับ” ครูอำนวยบอกพลางก้มมองใบหน้าหล่อๆของผม
“เด็กชายรุ่ง หนองนกเป็ดครับ” ผมตอบเสียงฉะฉานและมุ่งมั่น
ทั้งห้องเงียบ....
“แสดงความสามารถสะกดคำบนกระดานดำอีกครั้งนะครับ แบบว่ามีพี่บางคนเขาอ่านไม่ออกน่ะ”
ครูอำนวยหันไปมองพี่ยาพร้อมรอยยิ้มเริงรื่น ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เงยหน้ามองตัวอักษรในกระดานดำ และเปล่งเสียงออกมาอย่างมั่นใจ
“หออาหาคับ”
ทั้งห้องหัวเราะสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง พี่ยารู้สึกว่าเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว ครูอำนวยให้ผมอ่านหนังสือบนกระดานดำให้พี่ยาอ่านตามอยู่สองสามรอบ สุดท้ายผมก็ได้ไปนั่งบนเก้าอี้ของครู ห้อยเท้าต่องแต่งตามคำสั่งครูอำนวย มีพี่ยาคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง และก้มกราบต่อเจ้าแม่ธรณีอยู่หลายรอบ พร้อมกับพูดว่า
“อาจารย์ใหญ่คร้าบ”
“อาจารย์ใหญ่คร้าบ “
“ อาจารย์ใหญ่คร้าบ”
ผมกอดอกพยายามวางมาดให้เหมือนครูใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆพร้อมกับคนอื่นๆทั่วทั้งห้องนั้น อย่างกลมกลืน
ที่มา
http://www.thaiwriter.net/forum01/index.php?topic=5773.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น